dc.contributor.author |
หมั่นคติธรรม, วินัย |
|
dc.creator |
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา |
TH |
dc.date.accessioned |
2015-06-20T07:55:18Z |
|
dc.date.available |
2015-06-20T07:55:18Z |
|
dc.date.issued |
2015-06-20 |
|
dc.identifier.issn |
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา |
|
dc.identifier.uri |
http://hdl.handle.net/123456789/265 |
|
dc.description |
งานวิจัยงบประมาณรายได้มหาวิทยาลัย ปีงบประมาณ 2554 มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา |
th_TH |
dc.description.abstract |
การศึกษา แนวทางการออกแบบและการบูรณะโบราณสถานเพื่อนากลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ทาให้เกิดความรู้ความเข้าใจประวัติศาสตร์ ความเป็นมา เรื่องราวในอดีตของโบราณสถานนั้นๆ ที่ล้วนแล้วแต่มีความเชื่อมโยงบริบทของการดาเนินชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี ที่มีการสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นในรูปแบบของสถาปัตยกรรม ทาให้เกิดการวิเคราะห์องค์ความรู้นั้น เพื่อนามาเป็นฐานข้อมูลในการดาเนินการพัฒนาและปรับปรุงต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการศึกษาวิจัยนี้ โดยแบ่งเนื้อหาที่ทาการศึกษาออกเป็น 3 ประเด็นได้แก่ 1) ประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาและอาคารโบราณสถาน 2) แนวทางในการอนุรักษ์สถาปัตยกรรม 3) วิเคราะห์การบูรณะโบราณสถานเชิงวิศวกรรม
สาหรับระเบียบวิธีวิจัยจะใช้การสารวจอาคารโบราณสถาน ตาหนักทั้ง 4 หลัง เพื่อศึกษา เก็บข้อมูลลักษณะทางกายภาพ และสถาปัตยกรรมทั้งหมดในสภาพปัจจุบัน เพื่อนาไปเป็นฐานข้อมูลของอาคารรวมถึงทาการวิเคราะห์การงานใช้พื้นที่ภายในตามแผนที่มหาวิทยาลัยกาหนด และสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ที่เกี่ยวข้องและมีความรู้ (Indepth Interview) โดยแบ่งกลุ่มการสัมภาษณ์ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มที่ 1 ทางด้านประวัติศาสตร์ของวังสุนันทา กลุ่มที่ 2 ผู้บริหารมหาวิทยาลัย และกลุ่มที่ 3 ผู้เชี่ยวชาญด้านงานอนุรักษ์โบราณสถาน จานวน 3-5 คน เพื่อสอบถามถึงความเป็นมา สภาพปัญหา แนวทางในการพัฒนา แนวทางในการอนุรักษ์และ ประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการออกแบบปรับปรุงต่อไป
ผลของการวิจัย พบว่าลักษณะของสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในสวนสุนันทาทั้งหมดจากการที่สารวจโบราณสถานตาหนักทั้ง 4 หลัง มีความเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ กล่าวคือ เป็นตาหนักที่มีเจ้านายที่มีพระอิสริยยศสูงประทับอยู่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ ตัวอาคารก่อสร้างเป็นโครงก่ออิฐฉาบปูน ส่วนใหญ่จะเป็นตาหนักหลังเดี่ยวไม่มีลักษณะเป็นเรือนหมู่แบบไทย ความสูงมีตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไปจนถึง 4 ชั้น มีรูปแบบการตกแต่งของสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาติตะวันตกถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสถาปัตยกรรมในยุคนี้ ดังนั้น แนวทางในการออกแบบและการบูรณะโบราณสถานเพื่อนากลับมาใช้ประโยชน์ใหม่จึงคานึงควบคู่ไปกับการอนุรักษ์โบราณสถาน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ดารงไว้ซึ่งรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่มีความงดงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวอาคาร แต่เสริมสร้างความเป็นสมัยใหม่เข้าไปในการตกแต่งออกแบบภายในและการใช้สอยอาคารเพื่อดาเนินตามแผนนโยบายของมหาวิทยาลัยฯ ที่ต้องการให้พื้นที่เป็นศูนย์กลางแห่งศิลปวัฒนธรรมกรุงรัตนโกสินทร์ โดยทาการจาลองภาพต้นแบบอาคารที่แสดงรายละเอียดตัวอาคาร โครงสร้างและพื้นที่ใช้สอยเพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาต่อไป |
th_TH |
dc.description.sponsorship |
มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา |
th_TH |
dc.language.iso |
th |
th_TH |
dc.publisher |
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา |
TH |
dc.relation.ispartofseries |
งานวิจัยปี 2554; |
|
dc.source |
TH |
TH |
dc.subject |
อาคารศศิพงศ์ประไพ |
th_TH |
dc.subject |
อาคารจุฑารัตนาภรณ์ |
th_TH |
dc.subject |
อาคารอาทรทิพย์ นิวาส |
th_TH |
dc.subject |
อาคารเอื้อนอาช์วแถมถวัลย์ |
th_TH |
dc.title |
การศึกษา แนวทางการออกแบบและการบูรณะโบราณสถานเพื่อนากลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ กรณีศึกษา : อาคารศศิพงศ์ประไพ อาคารจุฑารัตนาภรณ์ อาคารอาทรทิพย์ นิวาส และอาคารเอื้อนอาช์วแถมถวัลย์ ( |
th_TH |
dc.type |
Article |
th_TH |