DSpace About DSpace Software
 

Information Retrieval Systems of Research Institute at Saun Sunandha Rajabhat University >
งานวิจัยปีงบประมาณ 2554 >
งานวิจัยภาษาไทย >
แหล่งทุนภายใน ปีงบประมาณ 2554 >

Please use this identifier to cite or link to this item: http://hdl.handle.net/123456789/152

Title: ปัจจัยที่มีผลต่อการชักนาการเกิดเหง้าของข่าและหน่อกะลา ในหลอดทดลอง
Authors: กาญจน์กมล, จันทนา
Keywords: ปัจจัยที่มีผล
การชักนาการเกิดเหง้าของข่า
หน่อกะลา ในหลอดทดลอง
Issue Date: 20-Jun-2015
Publisher: สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
Series/Report no.: งานวิจัยปี 2554;
Abstract: จากการนาชิ้นส่วนยอดหน่อกะลาและข่าที่ได้จากการเลี้ยงในหลอดทดลอง ระยะ เวลาเลี้ยง 12-14 สัปดาห์ ไปชักนาให้เกิดเหง้า (ไมโครไรโซม) บนอาหารแข็งสูตร Murashige and Skoog (MS) (1962)ที่เติมน้าตาลซูโครสความเข้มข้น 4 ระดับ คือ 30, 60, 90 และ 120 กรัมต่อลิตร ช่วงเวลาให้แสง 0, 8, 16 และ 24 ชั่วโมงต่อวัน ระยะเวลาเลี้ยง 12 สัปดาห์ พบว่า เฉพาะชิ้นส่วนยอดหน่อกะลาเท่านั้นที่ถูกชักนาให้เกิดไมโครไรโซม โดยความเข้มข้นของน้าตาลซูโครสและช่วงเวลาการให้แสง เป็นปัจจัยที่มีความสาคัญต่อการเกิดไมโครไรโซม และจากการทดลองชักนาให้เกิดยอดและราก โดยเลี้ยงบนอาหาร MS ที่เติมน้าตาลซูโครส 120 กรัมต่อลิตร ที่ช่วงเวลาการให้แสง 24 ชั่วโมงต่อวัน สามารถชักนาให้เกิดจานวนยอดและรากได้สูงสุด 6.2 ยอด และ 42 รากต่อชิ้นส่วนพืช จากการทดลองพบว่า ชิ้นส่วนยอดที่เลี้ยงบนอาหาร MS ที่เติมน้าตาลซูโครส 30 กรัมต่อลิตร ช่วงเวลาให้แสง 8, 16 และ 24 ชั่วโมงต่อวัน สามารถชักนาให้เกิดรากมีความยาวสูงสุด คือ 11.1, 11.3 และ 11.4 เซนติเมตร ตามลาดับ สาหรับชิ้นส่วนเพาะเลี้ยงบนอาหาร MS ที่เติมน้าตาลซูโครส 90 และ 120 กรัมต่อลิตร ที่ช่วงเวลาให้แสง 8, 16 และ 24 ชั่วโมงต่อวัน สามารถชักนาให้เกิดไมโครไรโซมได้สูงที่สุด 90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการสะสมแป้งในไมโครไรโซมจะเพิ่มขึ้น เมื่อมีปริมาณน้าตาลและระยะเวลาเลี้ยงนานขึ้น คาสาคัญ : ข่า หน่อกะลา เหง้า ไมโครไรโซม
Description: งานวิจัยงบประมาณรายได้มหาวิทยาลัย ปีงบประมาณ 2554 มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา
URI: http://hdl.handle.net/123456789/152
ISSN: มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
Appears in Collections:แหล่งทุนภายใน ปีงบประมาณ 2554

Files in This Item:

File Description SizeFormat
ird_066_54.pdfปก104.67 kBAdobe PDFView/Open
ird_066_54 (1).pdfบทคัดย่อ258.33 kBAdobe PDFView/Open
ird_066_54 (2).pdfabstract263.16 kBAdobe PDFView/Open
ird_066_54 (3).pdfกิตติกรรมประกาศ296.11 kBAdobe PDFView/Open
ird_066_54 (4).pdfบทที่ 1296.14 kBAdobe PDFView/Open
ird_066_54 (5).pdfบทที่ 2508.47 kBAdobe PDFView/Open
ird_066_54 (6).pdfบทที่ 3303.85 kBAdobe PDFView/Open
ird_066_54 (7).pdfบทที่ 42.34 MBAdobe PDFView/Open
ird_066_54 (8).pdfบทที่ 5279 kBAdobe PDFView/Open
ird_066_54 (9).pdfบรรณานุกรม286.7 kBAdobe PDFView/Open
ird_066_54 (10).pdfภาคผนวก275.84 kBAdobe PDFView/Open
ird_066_54 (11).pdfประวัตินักวิจัย308.65 kBAdobe PDFView/Open
View Statistics

Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.

 

Valid XHTML 1.0! DSpace Software Copyright © 2002-2010  Duraspace - Feedback