การพัฒนาสังคมแห่งความสุขตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงบนพื้นที่ผลกระทบนาข้าวและนาเกลือด้วยการมีส่วนรวมของประชาชน อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี

DSpace/Manakin Repository

การพัฒนาสังคมแห่งความสุขตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงบนพื้นที่ผลกระทบนาข้าวและนาเกลือด้วยการมีส่วนรวมของประชาชน อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี

Show simple item record

dc.contributor.author ภูคำชะโนด, ภูสิทธ์
dc.date.accessioned 2018-12-13T07:36:59Z
dc.date.available 2018-12-13T07:36:59Z
dc.date.issued 2018-12-13
dc.identifier.other มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
dc.identifier.uri http://hdl.handle.net/123456789/1207
dc.description งานวิจัยงบประมาณรายได้แผนดิน ปีงบประมาณ 2560 มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา th_TH
dc.description.abstract การวิจัยในครั้งนี้กําหนดวัตถุประสงค์เพื่อสํารวจภูมิสังคม ปัญหาเดิมและปัญหาใหม่ในพื้นที่ ได้รับผลกระทบตลอดเส้นทางสายน้ํา 3 สาย ได้แก่ ลําห้วยหลวง ลําห้วยสงคราม ล้ําห้วยทวน และ 2 นา ได้แก่ นาข้าวและนาเกลือ วิเคราะห์การมีส่วนร่วมในการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการรุกล้ํา ของน้ําเค็มจากการผลิตนาเกลือสินเธาว์ และการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการ ดํารงชีวิตของประชาชน รวมถึงเพื่อสร้างภาพในอนาคต รูปแบบและแนวทางการพัฒนาสังคมแห่ง การดํารงชีวิตอย่างมีความสุขของการอยู่ร่วมกันของประชาชนผู้ทํานาข้าวและนาเกลือ โดยทําการเก็บ ข้อมูลด้วยแบบสอบถามจาก 400 กลุ่มตัวอย่าง และทําการสัมภาษณ์นักพัฒนาชุมชน เกษตรอําเภอ บ้านดุง ผู้ประกอบการนาเกลือ ผู้นําชุมชน และประชาชน จํานวน 30 คน พบว่า พื้นที่ของอําเภอ บ้านดุงมีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 4,000 ปีเทียบเคียงกับอารยธรรมบ้านเชียง ซึ่งแต่เดิมเป็น ป่าไม้ใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ทั้งต้นดุงใหญ่และยางใหญ่รวมถึงสัตว์ป่าหลากหลายชนิด โดยบ้านดุงใหญ่ เป็นพื้นที่ตั้งบ้านเรือนแต่เริ่มต้น จนได้มีการยกฐานะจาก 3 ตําบล คือ ตําบลบ้านดุง ตําบลบ้านจันทน์ และตําบลดงเย็น เป็น "กิ่งอําเภอบ้านดุง" และเป็น "อําเภอบ้านดุง" เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ทางราชการ ปัจจุบันในพื้นที่มีการทํานาเกลืออยู่ 4 ตําบล คือ ตําบลบ้านดุง ตําบลโพนสูง ตําบลศรีสุทโธ และตําบลบ้านชัยที่ส่งผลกระทบต่อตําบลนาคําอย่างมาก กําเนิดเป็นเมือง 3 น้ํา คือ น้ําเค็ม น้ํากร่อยและน้ําจืดบนที่ราบสูง ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธอย่างมั่นคง ประกอบ อาชีพเกษตรกรรม เป็นชาวนา ชาวไร่ อยู่ร่วมกันมาไม่น้อยกว่า 21 ขึ้นไป มีรายได้และรายจ่ายต่อ เดือนไม่เกิน 5,000 บาท และมากกว่าร้อยละ 80 เป็นเจ้าของที่ดินมีธุรกิจหรือการประกอบอาชีพใน ชุมชน และเป็นสมาชิกกองทุนชุมชนและชุมชนเมืองมากที่สุด พร้อมกันนั้นผู้คนมีเพื่อนบ้านที่สนิท สนมคุ้นเคยกันภายในชุมชนและพบปะพูดคุยกันตลอดเวลา ซึ่งกิจกรรมทางสังคมและศาสนาที่ ประชาชนเข้าร่วมประจํา คือ วันสงกรานต์ วันเข้าพรรษา วันมาฆบูชา วันออกพรรษา วันแม่วันพ่อ วันวิสาขบูชา พัฒนาชุมชน และงานประเพณีของทางวัดประจําชุมชน ทําให้ผู้คนมีความผูกพันต่อ (2) ชุมชนที่อาศัยอยู่ ณ ปัจจุบันมาก ทั้งเรื่องความผูกพันในสถานที่ มีความรู้สึกว่าเป็นบ้าน ชุมชนที่อาศัยอยู่ ณ ปัจจุบันมาก ทั้งเรื่องความผูกพันในสถานที่ มีความรู้สึกว่าเป็นบ้าน และ ความรู้สึกรักชุมชนซึ่งสามารถสร้างความกลมเกลียวเหนี่ยวแน่นของคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี ครั้น เมื่อต้องการแก้ไขปัญหาการรุกล้ําของน้ําเค็มจากการผลิตนาเกลือสินเธาว์ ประชาชนให้ความร่วมมือดี มีส่วนร่วมมาก โดยเฉพาะด้านการร่วมรับรู้และเข้าใจ ด้านการร่วมคิดและแสดงความคิดเห็น แต่ขาด การลงมือทํา การร่วมดําเนินการอยู่เพียงในระดับปานกลางหย่อนลงมาในระดับน้อย ส่วนการปฏิบัติ ในกิจกรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นระดับบุคคลและครัวเรือนอยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะด้านการเอื้ออาทร เกื้อกูลต่อกัน ด้านการใช้และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม รวมถึงการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการดํารงชีวิตอยู่ในระดับมาก เช่นกันโดยเฉพาะด้านจิตใจ และการตระหนักในคําว่า “พอ” พัฒนาตนเอง ไม่เบียดเบียนและพึง พอใจในชีวิตที่พอเพียง แต่ถึงอย่างไรปัญหาเชิงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการทํานาเกลือยังคงอยู่ ดังนั้นประชาชนต้องปรับตัวตามสภาวะที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พร้อมกับต้องปรับตัวที่จะต้องค้นหา นวัตกรรม หรือผลผลิต หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สําหรับการนําเกลือมาสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่ต้องเกิดขึ้น จากความต้องการของประชาชนทั้งที่เป็นผู้ประกอบการและผู้อยู่ในพื้นที่ผลกระทบ และแนวทางที่ สําคัญที่สุดแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขที่ยั่งยืน คือ การสร้างมูลค่าแก่แผ่นดินของทุกองคาพยพ ต้องมีส่วนร่วมกันให้เกิดการสร้างแผ่นดินนาเกลือให้เป็นพื้นที่บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ที่ในการชี้แนะของ นักวิจัย คือ พื้นที่บ่งชี้ความสุขทางภูมิศาสตร์ นําไปสู่การสร้างสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์แบบมีส่วนร่วมให้ เกิดความยั่งยืนได้ และอาจผลักดันให้เกิด GI Bandung Model ต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ต้อง ค้นหากลไกสําคัญในการขับเคลื่อนรูปแบบ 3 ประสาน 4 เสา 9 บูรณาการ 1 ฐานราก:เงื่อนไขภายใต้ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ให้เดินหน้าไปสู่การเป็นชุมชนประชารัฐที่มีความสุขอย่างยั่งยืน th_TH
dc.description.sponsorship มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา th_TH
dc.language.iso th th_TH
dc.relation.ispartofseries งานวิจัยปี 2561;
dc.title การพัฒนาสังคมแห่งความสุขตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงบนพื้นที่ผลกระทบนาข้าวและนาเกลือด้วยการมีส่วนรวมของประชาชน อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี th_TH
dc.type Article th_TH


Files in this item

Files Size Format View Description
01 cover (60).pdf 19.64Kb PDF View/Open ปกนอก
02 cover in (60).pdf 16.09Kb PDF View/Open ปกใน
03 Thai apstract (60).pdf 63.14Kb PDF View/Open บทคัดย่อ
04 Abstract.pdf 24.37Kb PDF View/Open Abstract
05 Acknowledgments (60).pdf 28.42Kb PDF View/Open กิตติกรรมประกาศ
06 content (60).pdf 34.15Kb PDF View/Open สารบัญ
09 chapter 1 introduction (60).pdf 280.0Kb PDF View/Open บทที่1
10 chapter 2 literature(60).pdf 1.764Mb PDF View/Open บทที่2
11 chapter 3 Research method (60).pdf 272.1Kb PDF View/Open บทที่3
12 chapter 4 re ... t- Social Context (60).pdf 931.8Kb PDF View/Open บทที่4
12 chapter 5 reseach result-participation (60).pdf 622.4Kb PDF View/Open บทที่5
13 chapter 6 SE application (60).pdf 653.7Kb PDF View/Open บทที่6
14 chapter 7 conclusion (60).pdf 268.0Kb PDF View/Open บทที่7
15 bibliography (60).pdf 172.6Kb PDF View/Open บรรณานุกรม
16 Appendix A (60).pdf 382.2Kb PDF View/Open ภาคผนวก ก
17 Appendix B (60).pdf 644.6Kb PDF View/Open ภาคผนวก ข
18 Researcher profile (60).pdf 229.3Kb PDF View/Open ประวัติผู้วิจัย
07 table content (60).pdf 77.53Kb PDF View/Open สารบัญตาราง
08 pic content (60).pdf 62.69Kb PDF View/Open สารบัญภาพ

This item appears in the following Collection(s)

Show simple item record

Search DSpace


Advanced Search

Browse

My Account